สาระน่ารู้ / เกร็ดความรู้
หมาก

หมาก มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Areca catechy Linn. ในภาษาอังกฤษเรียกว่า Areca Palm หรือ Betel Nut เป็นพืชที่อยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน สมัยโบราณการกินหมากถือเป็นวัฒนธรรมของคนไทย และเป็นที่นิยมทั้งในคนหนุ่มสาวและผู้สูงวัย ด้วยความเชื่อที่ว่า คนที่มีฟันดำคือคนสวย คนงาม และยังเป็นสัญลักษณ์ในการแสดงความรัก ความสัมพันธ์อันดี ไมตรีจิตระหว่างบุคคลด้วย แม้กระทั่งการใช้จีบกันของหนุ่มสาว ในคำประพันธ์ตอนหนึ่งเรื่องขุนช้างขุนแผน ตอนที่ขุนแผนกล่าวกับนางวันทองว่า “เจ้าลืมนอนซ่อนพุ่มกระทุ่มต่ำ เด็ดใบบอนช้อนน้ำที่ไร่ฝ้าย พี่เคี้ยวหมากเจ้าอยากพี่ยังคาย แขนซ้ายคอดแล้วเพราะหนุนนอน” ทำให้เห็นความรักอันมากมายที่ขุนแผนมีให้กับนางวันทองผ่านวัฒนธรรมการกินหมาก
แต่ปัจจุบันคนที่ยังกินหมากจะเหลือเฉพาะผู้สูงอายุเท่านั้น เพราะเรานิยมที่จะมีฟันขาวสะอาดมากกว่าฟันที่ดำสนิท หมากจึงมีบทบาทเปลี่ยนไปจากที่เอาไว้บริโภคก็เปลี่ยนมาอยู่ในอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น ผลหมากเมื่อนำไปสกัดจะได้ไขมัน เมือก และยาง จะให้สารที่ชื่อ Arecoline เป็นส่วนประกอบของสารเทนนินใช้เป็นส่วนผสมของสีย้อมผ้า ย้อมแห ย้อมอวน เพื่อให้ทนทาน ไม่เปื่อยง่าย หรือนำมาสกัดทำน้ำยาฟอกหนังเพื่อให้หนังนิ่มและมีสีสวย นอกจากนี้หมากยังนำมาทำเป็นยารักษาโรคต่างๆ เช่น เปลือกผลมีสรรพคุณเป็นยาบำรุงธาตุ ผลอ่อนมีรสฝาดหวาน สรรพคุณเป็นยาช่วยทำให้เจริญอาหาร ใบมีสรรพคุณเป็นยาแก้ไข้ แก้หวัด รากนำมาต้มกับน้ำเป็นยาแก้พิษร้อนภายใน แก้พิษไข้ร้อน หรือจะใช้ใบนำมาต้มกับน้ำและอาบเป็นยาแก้ไข้ แก้หวัดก็ได้เช่นกัน ส่วนเปลือกผลมีรสเผ็ด เป็นยาร้อนเล็กน้อย ออกฤทธิ์ต่อม้ามและกระเพาะลำไส้ ใช้เป็นยาขับลม แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยขับน้ำในกระเพาะลำไส้ และช่วยในการย่อย ฯลฯ
สรรพคุณของหมากยังไม่หมดเท่านี้นะคะ หมากยังเข้าไปอยู่ในวงการเครื่องสำอางอีกด้วย ปัจจุบันได้มีการศึกษาฤทธิ์ทางชีวภาพของหมาก ไม่ว่าจะเป็นฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ฤทธิ์การต้านเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการเกิดริ้วรอย ได้แก่ เอนไซม์อีลาสเตส เอนไซม์คอลลาจิเนส และเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส และที่สำคัญฤทธิ์ต้านการเจริญของจุลินทรีย์ นำมาพัฒนาเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางเพื่อให้มีคุณภาพสูง ซึ่งสารสกัดจากหมากสามารถช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระและชะลอการทำงานของเอนไซม์อิลาสเตสซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดริ้วรอย ช่วยให้ผิวกระชับ ดูอ่อนกว่าวัยอีกด้วยค่ะ