สาระน่ารู้ / เกร็ดความรู้
เพชรสังฆาต

มหัศจรรย์สมุนไพรไทย : “เพชรสังฆาต” รักษาโรคริดสีดวง บำรุงกระดูก
“ เพชรสังฆาต ” (Cissus quadrangularis) ถือเป็นสมุนไพรอันดับหนึ่งที่ขึ้นชื่อในเรื่องการรักษาอาการของโรคริดสีดวงทวารหนัก และบำรุงกระดูก หลายคนมีคำถามช่วยได้จริงหรือ ? และช่วยอย่างไร ? เรามาทำความรู้จักสมุนไพรเจ้าของฉายาเพชรสังฆาตนี้กันก่อนค่ะ
เพชรสังฆาต หรือชาวบ้านในบางพื้นที่เรียกว่า สันชะฆาต ขั่นข้อ ตำลึงทอง หรือสามร้อยต่อ เป็นไม้เลื้อยที่มีลำต้นเป็นรูปสี่เหลี่ยมยาว ๆ มีรอยคอดบริเวณข้อ ผิวเรียบ มีใบเดี่ยวออกข้อละ 1 ใบ ในบริเวณปลายเถา มีรสชาติขม ร้อน และคันอีกด้วย โดยปกติแล้วคนมักนิยมปลูกเพื่อเป็นไม้ประดับ เพราะมีลักษณะเป็นไม้เถาเลื้อยที่มีรูปร่างแปลกตา และมีดอกและช่อสีแดงสวยงาม อีกทั้งยังสามารถปลูกเป็นรายได้เสริมด้วยการนำเถามาหั่นแล้วตากแห้งทำเป็นยาสมุนไพรได้อีกด้วย ซึ่งเรื่องสรรพคุณในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บนั้นถือว่าไม่เป็นสองรองใครทีเดียวค่ะ ที่โดดเด่นอย่างมากเลยก็คือ ช่วยรักษาโรคริดสีดวงทวารหนักได้ เพราะเป็นสมุนไพรที่อุดมไปด้วยวิตามินซี ซึ่งในวิตามินซีนั้นก็มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง สามารถช่วยลดอาการอักเสบ รวมทั้งช่วยให้หลอดเลือดดำหดตัวลงได้อีกด้วย โดยคนที่เป็นโรคริดสีดวงทวารหนัก จะเกิดภาวะเลือดดำคั่งจนทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก การรับประทานเพชรสังฆาตจึงช่วยบรรเทาอาการได้ รวมทั้งรักษาอาการอักเสบและทำให้หลอดเลือดดำที่บวมเป่งอยู่บริเวณทวารหนักหดตัวลงได้ จากผลงานวิจัยของฝ่ายเภสัชและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ ของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย พบว่าเพชรสังฆาตมีฤทธิ์ลดการอักเสบและทำให้หลอดเลือดดำหดตัว โดยทดสอบกับผู้ป่วยจริงแล้วพบว่า เมื่อผู้ป่วยรับประทานยาสมุนไพรเพชรสังฆาต ครั้งละ 1 เม็ด วันละ 4 ครั้ง หลังอาหารและก่อนนอน ติดต่อกัน 7 วัน พบว่ายามีประสิทธิภาพในการรักษาโรคริดสีดวงทวารได้ดี นอกจากนี้ เพชรสังฆาตยังมีคุณค่าทางโภชนาการที่อุดมไปด้วยวิตามินซีสูงถึง 398 มิลลิกรัม มีแคโรทีน และแคลเซียมสูงด้วยเช่นกัน ซึ่งจะช่วยรักษาเกี่ยวกับกระดูก ประสานกระดูก รักษาโรคกระดูกบางได้ ช่วยให้เซลล์มีการสร้างมวลกระดูกเพิ่ม และยังเพิ่มการสร้างคอลลาเจนในเซลล์สร้างกระดูกอีกด้วย นับเป็นผลดีต่อผู้ที่อยู่ในกลุ่มสูญเสียมวลกระดูกง่าย เช่น วัยผู้สูงอายุ หรือผู้ที่อยู่ในวัยทอง นอกจากนี้ยังช่วยแก้เคล็ดขัดยอก ปวดข้อต่อ ช่วยรักษาโรคลำไส้เกี่ยวกับอาหารไม่ย่อย แก้ไขมันอุดตันกรวยไต และยังช่วยป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหารอีกด้วยค่ะ ตามตำราโบราณเขาให้นำเถาสดมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ยัดลงไปในมะขามเปียกหรือกล้วยสุก แล้วกลืนลงคอ ห้ามเคี้ยวเด็ดขาดนะคะ เพราะเถาเพชรสังฆาตสดๆ จะทำให้คันคอ เนื่องจากมีผลึกแคลเซียมออกซาเลทชนิดเดียวกับที่พบในบอนและต้นเผือก มีฤทธิ์ระคายเคืองค่อนข้างรุนแรง ทำให้ในปัจจุบันมีการนำเพชรสังฆาตมาตากหรืออบแห้งแล้วบดเป็นผงบรรจุใส่แคปซูลเพื่อให้ง่ายและสะดวกต่อการรับประทานค่ะ